นักท่องเที่ยวจีนลดลงครึ่งหนึ่ง กระทบธุรกิจโรงแรมไทยหนัก
- mahasajan hotel
- 31 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ให้เห็นการลดลงอย่างรุนแรงของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย จากเกือบ 560,000 คนต่อเดือนในปลายปี 2024 เหลือไม่ถึง 300,000 คนต่อเดือนหลังช่วงตรุษจีน 2025 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรมที่พึ่งพาตลาดนี้เป็นหลัก

สูญเสียลูกค้าหลักของธุรกิจท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของไทยตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 ในปี 2019 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเกือบ 10 ล้านคน คิดเป็น 25% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศประมาณ 500,000 ล้านบาท หรือเกือบ 30% ของรายได้ท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
ข้อมูลจาก KKP Research ระบุว่า ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงจากการฟื้นตัว 60-70% ของช่วงก่อนโควิดในปลายปี 2024 เหลือเพียง 30% ของช่วงเดียวกัน การลดลงดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ไทยสูญเสียรายได้ท่องเที่ยวประมาณ 140,000 ล้านบาทในปี 2025
ผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม
ธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนสูง
รายงานจากสมาคมโรงแรมไทยแสดงให้เห็นว่า โรงแรมระดับ 3-4 ดาวที่เน้นตลาดทัวร์กรุ๊ปจีนมีอัตราเข้าพักลดลง 40-60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โรงแรมหลายแห่งต้องปิดบางชั้นหรือลดจำนวนห้องที่เปิดให้บริการเพื่อประหยัดต้นทุนดำเนินงาน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า "โรงแรมสมาชิกหลายแห่งรายงานอัตราเข้าพักลดลงมากกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 บางแห่งต้องลดพนักงานลงประมาณ 20-30% เพื่อรักษาสภาพคล่อง"
สาเหตุของการลดลง
การวิเคราะห์จาก KKP Research ชี้ให้เห็นสาเหตุหลัก 3 ประการของการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับนโยบายรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางต่างประเทศฟื้นตัวเพียง 86.5% ของช่วงก่อนโควิด ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศฟื้นตัว 93.6%
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจากการเดินทางแบบกรุ๊ปทัวร์มาเป็นการท่องเที่ยวอิสระมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ที่เคยคิดเป็น 40% ของนักท่องเที่ยวจีนในไทย ปัจจุบันฟื้นตัวเพียง 33% ของช่วงก่อนโควิด
ปัญหาภาพลักษณ์ความปลอดภัย เหตุการณ์ในช่วงต้นปี 2025 รวมถึงคดีลักพาตัวดาราจีน การปราบปรามธุรกิจสีเทา และแผ่นดินไหว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ผลสำรวจจาก Dragon Trail International พบว่า นักท่องเที่ยวจีนกว่า 50% มองว่าไทยไม่ปลอดภัย เพิ่มขึ้นจาก 38% ในปลายปี 2024
การแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง
ในขณะที่ไทยสูญเสียนักท่องเที่ยวจีน ข้อมูลการบินแสดงให้เห็นว่า เที่ยวบินจากจีนไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และมาเลเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวจีนหันไปเลือกปลายทางอื่นแทนไทย
ดร.กิรติ ชัยพานิช นักวิเคราะห์จาก KResearch ประเมินว่า "การแข่งขันในตลาดนักท่องเที่ยวจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเสนอแพ็กเกจและสิ่งจูงใจที่น่าสนใจกว่า ขณะที่ไทยยังไม่มีมาตรการเฉพาะเจาะจงในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมา"
ตลาดทดแทนที่เติบโต
แม้จะสูญเสียนักท่องเที่ยวจีน แต่ข้อมูลแสดงให้เห็นการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่น โดยเฉพาะยุโรปและเอเชียใต้ที่ฟื้นตัว 120% ของช่วงก่อนโควิดในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025
นักท่องเที่ยวจากอินเดียมีการเติบโตสูงสุด เนื่องจากเศรษฐกิจอินเดียที่แข็งแกร่งและการที่อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวจีน โดยเน้นการใช้จ่ายกับที่พักและกิจกรรมบันเทิง

กลยุทธ์ปรับตัวของธุรกิจโรงแรม
เจ้าของโรงแรมหลายรายเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การปรับเป้าหมายตลาดจากจีนไปยังตลาดอื่น
นายสมชาย วงศ์ประเสริฐ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กล่าวว่า "เราเริ่มเน้นการตลาดในตลาดอินเดียและยุโรปมากขึ้น ปรับห้องพักให้เหมาะกับการพักระยะยาว และเพิ่มบริการสปาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่"
การปรับตัวอื่นๆ ได้แก่ การควบคุมต้นทุนดำเนินงาน การเจรจาเงื่อนไขการชำระหนี้กับสถาบันการเงิน และการพัฒนาช่องทางการจองออนไลน์ที่เข้าถึงตลาดใหม่ได้ดีขึ้น
ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจภาพรวม
การลดลงของนักท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยจาก 2.8% เป็น 1.8% ในปี 2025
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่า การสูญเสียรายได้ท่องเที่ยว 140,000 ล้านบาทจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน การจัดเก็บภาษีของรัฐ และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ
โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 ที่มีหุ้นกู้บริษัทเอกชนกว่า 200,000 ล้านบาทครบกำหนดชำระ การขาดสภาพคล่องในระบบการเงินอาจส่งผลต่อความสามารถในการต่ออายุหนี้
มุมมองผู้เชี่ยวชาญ
ศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วิเคราะห์ว่า "การปรับตัวของธุรกิจโรงแรมไทยต้องทำในระยะเร่งด่วน การรอให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะปัจจัยโครงสร้างหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดร.สุภาวดี เอี่ยมลำเนา ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอแนะว่า "ธุรกิจโรงแรมควรลงทุนในการพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจวัฒนธรรมและความต้องการของตลาดใหม่ การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้รองรับลูกค้าที่มีอำนาจซื้อสูงกว่า และการสร้างประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร"
แนวโน้มระยะยาว
KKP Research คาดการณ์ว่า ในระยะสั้นนักท่องเที่ยวจีนจะไม่กลับมาเป็นจำนวนมากเหมือนเดิม หากปัญหาความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยไม่ได้รับการแก้ไข อย่างไรก็ตาม ตลาดจากยุโรปและเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย มีศักยภาพในการทดแทนได้บางส่วนในระยะยาว
ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้เร็วและมีการบริหารการเงินที่รัดกุมจะมีโอกาสรอดพ้นจากวิกฤตนี้และแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต ขณะที่ผู้ที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจต้องเผชิญกับความยากลำบากทางการเงินในระยะข้างหน้า
Comments